สุขภาพดี บทความสุขภาพ อาหารสุขภาพ สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย ค้นหาบทความสุขภาพ remahealth.com Custom Search เสริมวิตามินให้ถูกวิธี

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ รวมถึงวิตามินซึ่งเป็นส่วนสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย แต่การที่จะกิน
วิตามินมากจนเกินไป อาจส่งผลในทางตรงกันข้ามทำให้ร่างกายเป็น
อันตรายได้

วิตามินแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ละลายในน้ำ เช่นวิตามินบี
วิตามินซี ซึ่งเมื่อกินมากเกินไป เกินความจำเป็นของร่างกาย ร่างกาย
ก็จะขับออกมาเองไม่สะสมไว้ แต่การกินวิตามินซีมากเกินไป ถึงแม้ว่า
ร่างกายสามารถขับออกไปเองได้ แต่การกินมากเกินไปจะตกตะกอนที่
ไต จนอาจมีโอกาสเกิด "นิ่วที่ไต" ได้

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายต้องการวิตามินซีเพียงแค่ 10-15
มิลลิกรัมเท่านั้น หากกินวิตามินซีเกินความจำเป็นของร่างกาย เมื่อ
ปัสสาวะออกมาจะมีลักษณะสีเหลืองเข้มหรือเหลืองส้ม

วิตามินบี ร่างกายสามารถได้รับจากอาหารจำพวกนม ไข่แดง เนื้อสัตว์ หรือจมูกข้าวสำหรับคนที่กินมังสวิรัติและกินเจอย่างเคร่งครัดจะขาด
วิตามินบีและB12 จึงแนะนำให้กินวิตามินเสริม กลุ่มที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A, D, E, K วิตามินกลุ่มนี้มีข้อด้อยคือ สะสมในร่าง
กาย และมีผลต่อตับกับสมอง

วิตามินเอ สามารถได้รับวิตามินเอจากอาหารจำพวก ฟักทอง แครอท มะละกอ หรือผักสีเข้ม แต่การกินมากเกินไป อาจมีผลต่อร่างกายได้
การกินวิตามินเอมากเกินไป จะมีผลต่อตับและสมอง รวมทั้ง มีอาการ
คลื่นไส้อาเจียนได้

วิตามินดี เป็นวิตามินที่ได้รับจากการสัมผัสกับแสงแดด เพียง 10นาที
ที่สัมผัสก็ทำให้ได้รับวิตามินแล้ว วิตามินอี มักอยู่ในเมล็ดของพืช เช่น ผลอโวคาโด ช่วยในเรื่องผิวพรรณ ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่ม

วิตามินเค ร่างกายสามารถสร้างเองได้จากแบคทีเรียในลำไส้ ยกเว้น การกินยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะทำให้แบค
ทีเรียในลำไส้ตาย

ดังนั้นการกินยาฆ่าเชื้อเป็นเวลานานแพทย์จะสั่งวิตามินเคเพิ่มให้ใน
กลุ่มผู้ที่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับอาหารไม่ครบ5 หมู่ เช่น ไม่กินผักผลไม้ คนไข้มีโรคหลอดเลือดสมองและต้องได้รับ
อาหารผ่านทางสาย ในกลุ่มที่กินมังสวิรัติและกินเจอย่างเคร่งครัด

การกินวิตามินนั้นได้ประโยชน์อย่างแน่นอน แต่โดยหลักแล้ว เพียงแค่
กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ก็เพียงพอสำหรับการรับสารอาหารอย่าง
วิตามินแล้ว

ข้อมูลจาก ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
์ Post 26 oct.2015

บทความโรคภัยไข้เจ็บ
บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ