Custom Search


การกินอาหารของผู้สูงอายุ

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตามคำนิยามขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่กำหนด
ไว้ว่า ประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เกินร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ถือว่าประเทศ
นั้นได้ก้าวเข้าสู่สังคม

การกินอาหารของผู้สูงอายุุ

ผู้สูงอายุ (Aging Society) และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) เมื่อสัดส่วน
ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ

ผู้สูงอายุจะมีความเสื่อมของร่างกาย ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง ประสาทสัมผัสทั้ง 5
เสื่อมลง ฟันมีการสึกกร่อน ทำให้เคี้ยวอาหารลำบาก การรับรสของปุ่มรับรสอาหารที่ลิ้นก็ลดลง
ทำให้ความอยากกินอาหารลดลง นอกจากนี้ระบบทางเดินอาหารยังทำงานด้อยลง และเกิดอาการ
ท้องอืด มีแก๊ส แน่น จุกเสียด ได้ง่าย ดังนั้น เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารครบถ้วน ผู้ดูแลหรือ
ลูกหลานควรจัดอาหารให้เหมาะสมโดยการดัดแปลง ดังนี้ดัดแปลงลักษณะอาหาร

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีปัญหาของฟัน ทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี จึงควรจัดอาหารที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม
เคี้ยวได้ง่าย โดยการหั่นเนื้อสัตว์ หรือผักเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มหรือเคี่ยวนานๆ เพื่อให้เปื่อยนุ่ม เน้นโปรตีน
ที่ย่อยง่ายและมีคุณค่าสูง เช่น ปลา และไข่

รสชาติอาหารเปลี่ยนไป
ความชอบในรสชาติอาหารของผู้สูงอายุมักมีการเปลี่ยนแปลง บางคนชอบอาหารที่มีรสหวานมาก
ขึ้น บางคนชอบรสขม จึงควรดัดแปลงตามความชอบของผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจัดอาหาร
ที่มีรสจัด เผ็ดจัด หรือมีเครื่องเทศมาก เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้

การกินอาหารของผู้สูงอายุุ การกินอาหารของผู้สูงอายุุ

ปริมาณอาหารเปลี่ยนไป
ปริมาณอาหารไม่ควรมากเกินไป เพราะจะทำให้แน่นท้อง ควรกินปริมาณน้อยลง และแบ่งเป็น 4-5
มื้อ แทนการกินวันละ 3 มื้อและควรจัดอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน หากกินได้ไม่มากพอหรือไม่
มั่นใจว่าจะได้รับสารอาหารครบถ้วน แนะนำให้เสริมอาหารสูตรครบถ้วน ที่มีสารอาหารครบถ้วนตาม
ความต้องการของร่างกาย

ข้อมูลจากgoodfoodgoodlife.in.th
5115
บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ