![]()
Custom Search
|





ออกกำลังกายแบบไหนเรียกแอโรบิค
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นการออกกำลังกายที่มีระยะเวลานานพอสมควร มิใช่เป็นการเต้น
แอโรบิกด๊านซ์ เท่านั้น แต่รวมถึง การเดินเร็วๆ การวิ่งเยาะๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยานฯลฯจัดว่าเป็นการออก
กำลังกายแบบแอโรบิกทั้งสิ้น แต่ที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุด คือ การวิ่ง หรือ เดินเร็วๆ เพราะร่างกายได้
ทำงานทุกส่วน ไม่ต้องอาศัยเครื่องมือ และได้รับอากาศบริสุทธิ์
![]() |
คำว่า Aerobics มาจากรากศัพท์กรีกโบราณที่แปลว่า อากาศกับชีวิต (Air life) ซึ่งแสดงว่า ต้องมีก๊าซออกซิเจน
(Oxygen) มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ จึงหมายถึงความต้องการอากาศของสิ่งมีชีวิตในการดำเนินชีวิตให้อยู่ได้นั่นเอง
ได้มีการให้ความหมายของการออกกำลังกายแบบแอโรบิคไว้โดยหน่วยงาน The American College of Sports
Medicine (ACSM) ได้ให้ความหมายว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นกิจกรรมที่มีการใช้กล้ามเนื้อให้ได้ต่อ
เนื่อง และเน้นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ(any activity that uses large muscle groups,can be maintained
continuously,and is rhythmic in nature)ซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจและปอดของมนุษย์มีการทำ
งานมากขึ้น มากกว่าการทำงานในขณะพัก
![]() |
จากหลักการนี้ทำให้ได้แนวความคิดสำคัญในการออกกำลังกายสมัยใหม่ โดยมีกิจกรรมต่างๆ ที่จัดว่าเป็นการออกกำลัง
กายแบบแอโรบิคโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การเพิ่มและรักษาอัตราการเต้นของหัวใจในช่วงเวลาหนึ่ง
ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางไปสู่การมีสุขภาพอนามัยที่ดีในการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ร่างกายจะใช้สารอาหารที่สำคัญ
คือ คาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ไกลโคเจน” (Glycogen) ไขมัน (lipid) และโปรตีน (Protein) เป็น
แหล่งพลังงาน โดยใช้จากคาร์โบไฮเดรตก่อน จากนั้นจึงจะใช้จากไขมัน สังเกตได้จากการวิ่งทางไกลของนักวิ่ง ที่จะต้อง
หายใจทางปาก ทั้งนี้ เพราะร่างกายเริ่มเผาผลาญสารอาหารพวกไขมันให้เกิดพลังงาน จำเป็นต้องใช้ก๊าซออกซิเจนเพิ่ม
มากขึ้น จึงต้องอ้าปากหายใจแรงและลึก เพื่อนำเอาออกซิเจนไปช่วยในการเผาผลาญไขมันให้ได้พลังงานมากที่สุด
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค นั้นทำแค่ไหนจึงจะพอดี ควรทำต่อเนื่องกัน อย่าทำๆ หยุด ๆ และต้องหนักพอ
และนานพอ ดังนี้
1. หนักพอ คือ ให้ออกกำลังกายให้หนักประมาณ 70 - 75 % ของความสามารถสูงสุดของอัตราการเต้นของหัวใจ
ของแต่ละบุคคล ซึ่งจะดูได้จากการจับชีพจร (ที่ข้อมือหรือที่คอ) ชีพจรต้องเต้นจนถึงขนาดกำหนดตามอายุของแต่ละ
บุคคล (หากอายุมากขึ้น จะมีชีพจรสูงสุดในการทำงานลดลง ) จึงจะถือว่าการออกกำลังกายนั้นเพียงพอ ตัวอย่างเช่น
ในการคำนวณหาความสามารถสูงสุด = 220 -อายุ เช่น คนอายุ 25 ปี มีความสามารถสูงสุด =220 -25
= 195 และ 70 -75 % ของ 195 = 136 - 140 ครั้ง ต่อนาที
2. นานพอ เมื่อรู้สึกว่าหนักพอแค่ไหนแล้ว นานพอก็ง่ายขึ้น คือ เมื่อออกกำลังกายจนชีพจรขึ้นไปถึงระดับที่กำหนด
แล้ว ก็ทำติดต่อกันไปเรื่อยๆ โดยคงชีพจรไว้อย่างน้อยระดับนี้ เป็นเวลา 15 -20 นาที ก็ใช้ได้
ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายได้ใช้ออกซิเจนไปช่วยเผาผลาญให้เกิดพลังงานที่เรียกว่า แอโรบิค นั่นเอง
30814 ประโยชนของแอโรบิก
บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ