สุขภาพ

บทความสุขภาพ
สุขภาพดีพระพุทธเจ้า
ดูแลสุขภาพคิดบวก ว.วชิรเมธี
อาหารสุขภาพวิธีขจัดเซลลูไลท์ 
อาหารเสริมกินจืดยืดชีวิต
สมุนไพรสูตรLowแคลอรี่

remahealth

บทความสุขภาพ
ลดกินแป้ง ลดสิว
+กล้ามท้องที่เซ็กซี่
+ Article Health
หนังสือสุขภาพ
+The Books 
สมุนไพรไทยสมุนไพร
+กล้วยหอม
+
อินทผลัม 
+
เกาลัด
+กล้วยหอม

+มะขาม

   remahealth

สุขภาพดีบทความสุขภาพ
+วิธีถนอมสายตา
หน้าคอมพิวเตอร์
+ กินปลาทำให้
สายตาดีบำรุงสมอง
+
อย่ากินแป้งมาก
 จะทำให้แก่เร็ว

บทความสุขภาพ
+น้ำกระเจี๊ยบ ช่วย
ลดไขมันในเลือด
+สารคลอโรฟิลด์
มีประโยชน์อย่างไร
+โยคะลดต้นขา 
กระชับสะโพก

+งาดำ
+วิธีขจัดเซลลูไลท์ 
+ดอกอัญชันมีสาร
ต้านอนุมูลอิสระ 

+ผักผลไม้5ธาตุ
+อาหารเพื่อฟันสวย


สุขภาพดี บทความสุขภาพ อาหารสุขภาพ สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย
Custom Search
ถุงใต้ตาเกิดจากสาเหตุอะไร


วิธีลดถุงใต้ตา

มีปัจัจัยหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา อาทิเช่น การใช้สายตาเพ่งหน้า
จอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แล้วยังมีสาเหตุจากการได้รับรังสีอัลตราไว
โอเลตในแสงแดดมากเกินไป นอกจากนั้นอาจเป็นสาเหตุจากกรรมพันธุ์
สภาพแวดล้อมที่อยู่ ซึ่งรวมถึงอาหารการกิน ความเครียด ก็สามารถทำให้
เกิดถุงใต้ตา ได้ รวมถึง การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมนเพศหญิง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวเสื่อมและทำให้เกิดถุงใต้ตาได้

สาเหตุทางธรรมชาติที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา คือการสะสมของน้ำและไขมัน
รอบดวงตาทั้งตาบนและล่าง แต่ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกจะปรากฏให้
เห็นชัดเป็นถุงบริเวณใต้ตา 

การรักษาถุงใต้ตา ทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่ง
อาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงสดใส แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง
1-2 ปี ก็จะเกิดซ้ำอีกเพราะการผ่าตัดคือการตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป
แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันยังเกิดขึ้นได้ใหม่ตลอดเวลาและทำ
ให้เกิดถุงใต้ตาขึ้นอีกได้ ยังมีการแก้ แก้ไขปัญหาด้วยการรักษาตนเอง ด้วยการบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำทุกวันเพื่อชะลอความเสื่อมและ
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินด้วยสารอนุภาคเล็กๆ ที่เรียกว่า
อะเซ็ตติล เต็ตตร้า เปปไทด์ 5(Acetyl tetrapeptide 5 )ซึ่งทางการ
แพทย์ใช้เป็นยาลดความดันเลือด

วิธีลดถุงใต้ตา อย่างง่ายๆด้วตัวเอง
ป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ โดยเริ่มจากการปฏิบัติตัวเองเสียใหม่ เช่น 
วิธีที่ 1. อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวง
ตา
ไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ
อย่าขยี้ตา หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อ
คลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ
ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที
วิธีที่ 2.ของการลดถุงใต้ตา เริ่มจากหั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำพอก
บริเวณรอบดวงตาทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เนื่อง
จากมันฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่งซึ่งจะช่วย
ลดการอักเสบของผิวบริเวณรอบดวงตาได้
วิธีที่ 3. ใช้ถุงชาใช้แล้ว ชุบน้ำพอเปียก มาวางไว้ที่ตาก่อนนอนก็จำทำ
ให้ ลดถุงใต้ตาได้เช่นกัน
วิธีที่ 4. น้ำสะอาดก็ช่วยได้นะ เพราะดวงตาต้องอาศัยน้ำเป็นส่วนประกอบ
 และช่วยในการทำงาน หากมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพออาการแสบแดง ก็จะ
ตามมา ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยบำรุงดวงตา และ
สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดีและช่วยลดถุงใต้ตาได้อีกด้วย
วิธีที่ 5. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนเป็นสาร ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยในการกระตุ้น
การไหลเวียนของเลือดบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยผ่อน
คลายความเหนื่อยล้าได้อย่างเห็นผล ยิ่งถ้าได้ผสานคุณค่าจากโปร-วิตามิน
บี 5 ด้วยแล้วจะช่วยให้ผิวรอบดวงตาคงความชุ่มชื้น สวยสดใสได้อย่าง
ยาวนาน และช่วยลดถุงใต้ตาได้อีกด้วย

ดังนั้น ควรบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำทุกวันเพื่อชะลอความเสื่อมของ
ผิวรอบดวงตาก่อนวัยอันควร
ที่มา: 
 - หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 - ข้อมูลโดย พ.ญ.พุธศิรินทร์ ชูจันทร์ แพทย์ด้านผิวหนัง


post 28 Nov.2013

        บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ
                                                    


ขอจงทรงพระเจริญ
ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า
โครงการพระราชดำริ

สุขภาพดี

สุขภาพดีดีหน้าต่างสุขภาพ

+สุขภาพผู้หญิง
+สุขภาพผู้ชาย
+สุขภาพเด็ก
+สุขภาพวัยรุ่น
+ผู้สูงอายุ 

อาหารสุขภาพสถานที่เที่ยวไทย

 

โรคภัยไข้เจ็บการรักษาโรค
- โรคเบาหวาน
- โรคภูมแพ้
- โรคมะเร็ง
- โรคหัวใจ
- โรคไต

   remahealth


อาหารสุขภาพอาหารสุขภาพ
+เห็ดล้างพิษ
+
ฟักทองผัดไข่
+น้ำมะนาว
+ถั่วเขียวต้ม
งาดำ
+สาหร่ายทะเล
+กล้วยหอมงาดำ 
+กล้วยน้ำหว้าโรยงา

อาหารสุขภาพLINK WEB
+ สาธารณสุข
+ สสส


บทความสุขภาพ
+ว่านหางจระเข้
+กินไข่แค่ไหนดี
+Future FOOD