สุขภาพดี บทความสุขภาพ อาหารสุขภาพ สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย
ค้นหาบทความสุขภาพ remahealth.com
Custom Search
|
วัณโรคติดต่อได้ง่ายโดยทางหายใจท่านอาจจะรับเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัวหากใกล้
ชิดกับผู้ป่วยคนที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการในตอนแรกอัตราการเกิดเชื้อ
วัณโรคดื้อยามีจำนวนมากขึ้น หากคนที่ได้รับเชื้อวัณโรคดื้อยาจะทำให้
รักษายาก อัตราผู้ป่วยโรคเอดส์มีสูงขึ้น ทำให้มีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้น ผู้ป่วย
จำนวนหนึ่งแพ้ยาวัณโรคทำให้เกิดตับอักเสบ
จากเหตุผลดังกล่าวเราควรมีความรู้เรื่องวัณโรคเพื่อป้องกันตัวเองและดูแล
ผู้ป่วย มีความเข้าใจผิดว่าโรควัณโรคเป็นโรคของปอด แต่ความจริงเชื้อวัณ
โรค สามารถทำให้เกิดโรคที่ส่วนอื่นของร่างกาย เช่นกระดูก ข้อ ไต และเยื่อ
หุ้มสมอง สาเหตุวัณโรคเกิดจากเชื้อ Mycobacterium tuberculosis เป็นส่วนใหญ่บางส่วนเกิดจากเชื้อM. africanum and M. bovis.
การแพร่เชื้อผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค ในระยะแพร่กระจายเมื่อผู้ป่วย จามหรือ ไอ หัวเราะร้องเพลงหรือแม้กระทั้งพูดก็สามารถแพร่เชื้อออกทางน้ำลายกระจาย
ไปในอากาศและสามารถอยู่ในอากาศได้นานเมื่อคนหายใจจะได้รับเชื้อนั้น
เข้าในถุงลมในปอด หากร่างกายแข็งแรงภูมิคุ้มกันปกติร่างกายก็สามารถ
กำจัดเชื้อนั้นได้ หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-8 สัปดาห์หากร่างกาย
แข็งแรงสามารถทำลายเชื้อได้หมด เราทดสอบผิวหนังPPD skin test
จะให้ผลบวก หมายถึงผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ไม่เกิดโรค ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ติดต่อ
วัณโรคไม่ติดต่อทางสัมผัส ไม่ติดต่อทางเสื้อผ้า หรือเครื่องใช้จะมีเชื้อบาง
ส่วนอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดขาว จนกระทั้งร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคเช่นภูมิคุ้ม
กันบกพร่องเชื้อจะเจริญเติบโตและเกิดโรคได้ซึ่งสามารถเกิดได้หลายแบบ
คืออัตราการติดเชื้อ อัตราการติดเชื้อจะมากหรือน้อยขึ้นกับ ปัจจัยหลาย
ประการได้แก่ ผู้ป่วยวัณโรคปอดโดยเฉพาะมีโพรงหนอง และ วัณโรค
กล่องเสียงจะมีเชื้อปริมาณมากดังนั้นจึงติดต่อได้ง่ายระยะเวลาที่สัมผัส
กล่าวคือหากอยู่กับผู้ป่วยวันละ 8 ชั่วโมง(เวลาทำงานนั้นเอง) เป็นเวลา 6 เดือนจะมีโอกาสติดเชื้อ 50% หากต้องอยู่กับผู้ป่วย 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 2 เดือนก็มีโอกาสติดเชื้อ 50%
วัณโรคที่ดื้อยาหมายถึงเชื้อที่ดื้อต่อยารักษาตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป ผู้ที่ติดเชื้อ
ชนิดนี้จะรักษายากและมีอัตราการตายสูงสาเหตุที่พบวัณโรคดื้อยาเพิ่มขึ้นได้
แก่ผู้ป่วยวัณโรคได้รับยาน้อยกว่า6-12 เดือน ผู้ป่วยมักหยุดยาหลังจาก
ได้ยา 2-4 สัปดาห์เนื่องจากสบายตัวขึ้นหรืออาจเกิดผลข้างเคียงของยา
ผู้ป่วยได้รับยาน้อยเกินไปขนาดยาที่ได้รับไม่พอผู้ป่วย เอดส์พบมากขึ้นทำ
ให้มีวัณโรคมากขึ้น หากผู้ที่เป็นวัณโรคต้องรักษาตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด
หากเกิดผลข้างเคียงจากยาควรปรึกษาแพทย์ไม่ควรหยุดยาด้วยตังเอง
การวินิจฉัยเมื่อสงสัยว่าเป็นวัณโรคเมื่อมีอาการไอ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อาจมีไข้ต่ำๆ บางครั้งเสมหะมีเลือดปน หากเป็นเรื้อรังเกิน 3สัปดาห์ขึ้นไป
ต้องรีบปรึกษาแพทย์
การวินิจฉัยโรควัณโรคสามารถทำได้หลายวิธีได้แก่
1.การทดสอบหาภูมิต่อเชื้อวัณโรคทาง โดยการฉีด PPD เข้าใต้ผิวหนังแล้ว
อ่านผลใน 24-48 ชั่วโมง ถ้าพบบริเวณที่ฉีดบวมและแดงเกิน 10มม.แสดง
ว่าผู้นั้นได้รับเชื้อ
2.แพทย์จะให้ทำ X-RAY ปอด
3.แพทย์จะนำเสมหะไปตรวจหาเชื้อโรค และการเพาะเชื้อ เนื่องจากเชื้อใน
เสมหะมีไม่มาก แพทย์อาจให้ตรวจเสมหะ 2-3 ครั้ง
จะทำอย่างไรเมื่อเป็นวัณโรค ไม่ต้องตกใจ เพราะวัณโรคสามารถรักษาได้
ด้วยการรับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด ถ้ามีปัญหาปรึก
ษาแพทย์ก่อนหยุดยาหลังรักษาไป 2-3 สัปดาห์อาการจะดีขึ้นห้ามหยุดยา
โดยเด็ดขาดใช้ทิสชู่ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือจามงดสิ่งเสพติดทุกชนิด
เช่น สุรา บุหรี่ ยาเสพติดจัดบ้านให้แสงเข้า ลมถ่ายเทเป็นอย่างดีบ้วนเสมหะ
ลงภาชนะที่มีฝาปิด แล้วทำลายโดยการต้มในน้ำเดือด 5-10 นาที ผู้ที่อาศัย
อยู่ด้วยกันโดยเฉพาะเด็กควรไดัรับการตรวจร่างกายx-ray และทดสอบผิว
หนัง พยายามกินอาหารได้ทุกชนิด
การรักษาผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่ได้รักษาจะมีอัตราการตาย ร้อยละ 40-60
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาวัณโรคระยะสั้นโดยการให้ยารักษาควบคู่กันไปหลาย
ขนาน หากรักษาครบกำหนดจะมีอัตราหายร้อยละ 90 เมื่อรักษาไป 2-3
สัปดาห์ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นอย่าตัดสินใจหยุดยาเองเป็นอันขาด การกินยา
ไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดยาก่อนกำหนดจะทำให้เชื้อโรคดื้อยา
การป้องกันตัวเองมิให้เป็นวัณโรคได้อย่างไร ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
อยู่เสมอ ออกกำลังกายบ่อยๆ รับประทานอาหารให้ครบหมู่หลีกเลี่ยงปัจจัย
เสี่ยงที่ทำให้เกิดวัณโรค เช่น ห้ามสำส่อนทางเพศ ห้ามติดยาเสพติด และ
ควรตรวจภาพรังสีปอดปีละครั้ง
บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ