สุขภาพ

บทความพระพุทธ
สุขภาพดีวันพระหมายถึง
ดูแลสุขภาพหลวงปู่ชา1
อาหารสุขภาพกาลามสูตร
อาหารเสริมเพ่งกสิน 
สมุนไพรโพชฌังคปริตร
บทความอื่น 

  remahealth

บทความสุขภาพ
+ ลดกินแป้ง ลดสิว
+กล้ามท้องที่เซ็กซี่
+Article Health
+ หนังสือสุขภาพ
+Rema Books

remahealth
สมุนไพรไทยสมุนไพร
+ทองพันชั่ง 
+กระเทียม-มะนาว

+
น้ำมันขิง
+
กระเจี๊ยบแดง 
+พาร์สเลย
+กระชาย
+มะขาม 
+หญ้าดอกขาว 
+เม็ดแมงลัก
อ่านบทความอื่น

สุขภาพดีสุขภาพผู้สูงอายุ
+บัตรทอง
+อาชีพผู้สูงอายุ
+กองทุนการออม
+เดินเร็วอายุยืน 
+
กินจืดยืดชีวิต
อ่านบทความอื่น

บทความสุขภาพ อาหารสุขภาพ สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย
Custom Search

กรรมฐานของคนที่เกิดวันศุกร์

 

ดาวศุกร์ ตามหลักโหราศาสตร์ หมายถึง ความรักทางโลกีย์ สิ่งสวย
งาม ความบันเทิง และอารมณ์ร่าเริง เป็นต้น นี่เป็นเรื่องของดาวศุกร์
ทั้งนั้น จะเป็นคนที่รักสวยรักงาม อารมณ์ร่าเริง ชอบร้องรำขับร้อง
แต่ก็มีจุดอ่อน ที่ต้องคอยแก้ไขอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นสุภาพสตรีที่เกิดในวันศุกร์ มักจะมี
นิสัยที่เรียกได้ว่า อาจจะเป็นจุดอ่อนก็ว่าได้ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ

แต่ก็มีจุดอ่อนที่ต้องคอยแก้ไข ได้แก่ มักจะมีนิสัยที่เรียกได้ว่า อาจจะ
เป็นจุดอ่อนก็ว่าได้ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ

1.เป็นคนค่อนข้างจะห่วงคนอื่น มากกว่าตัวเอง บางครั้งก็เอาเรื่องของ
คนอื่น เช่นความทุกข์ของคนรอบข้าง มาใส่ใจ จนกระทั่งทำให้ตัว
เอง กินไม่ได้ นอนไม่หลับก็มี
2.เป็นคนที่มักจะเผลอไผล ในเรื่องของคำพูดคำจา อยู่เป็นประจำ เช่น
คิดไว้อย่าง แต่เวลาพูด กลับพูดไปอีกอย่าง จนกระทั่งทำให้เกิดเรื่อง
ให้ชวนขำอยู่บ่อยๆและนี่ก็คือ ลักษณะนิสัยโดยทั่วๆไป ของคนที่เกิด
ในวันศุกร์


กรรมฐานสำหรับคนที่เกิดวันศุกร

กรรมฐานที่จะใช้แก้นิสัยของคนที่เกิดวันศุกร์สรุป เป็นข้อๆได้ดังต่อไป
นี้
1. ต้องใช้อสุภะ แก้เรื่องความติดใจ ในกามารมณ์
2. ต้องใช้อุเบกขาพรหมวิหาร แก้ในเรื่อง ชอบทุกข์กับเรื่องของคนอื่น
มากเกินไป
3. ต้องเจริญสติปัฏฐาน เพื่อแก้นิสัยที่เผลอไผล

โดยมีรายละเอียดดังนี คือ
1. อสุภกรรมฐาน อสุภะ คำนี้ หมายถึง สิ่งที่ไม่สวยไม่งาม ซึ่งได้แก่
ซากศพต่างๆพวกซากศพต่างๆ สามารถนำมาใช้เป็นอารมณ์กรรมฐาน เพื่อแก้นิสัย ที่ติดในความสวยงาม ได้เป็นอย่างดี ใครก็ตาม ที่รู้ตัวว่า
เป็นคนที่ติดในสิ่งสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องกามารมณ์ต่างๆ
ท่านจะละเลยกรรมฐานข้อนี้ ไปไม่ได้เลย

วิธีปฏิบัติ การที่เราจะนำเอาซากศพต่างๆ มาเป็นเครื่องเเพ่งพิจารณา
นั้น ถ้าเอาศพจริงๆมาพิจารณา คงจะทำได้ยากถ้าใครอยากจะเจริญ
อสุภะ ท่านอาจจะใช้วิธี ไปหาภาพซากศพในลักษณะต่างๆ มา
พิจารณาก็ได้

เมื่อได้ภาพมาแล้ว ก็ให้เอามาเพ่งดู แล้วจำภาพนั้นให้ได้ พร้อมกับให้
น้อมพิจารณา เข้ามาหาตัวเอง ว่าอีกไม่นาน ถ้าเราตายเราก็จะมีสภาพ
ที่ไม่น่าดู ไม่น่าชม อย่างนี้เหมือนกัน แม้แต่กลิ่น ก็ไม่น่าพิศมัยเช่นกัน ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว จะช่วยลดละความติดใจ ในเรื่องของกามารมณ์
ไปได้มากทีเดียว และนี่ก็คือกรรมฐานหมวดแรก ที่เหมาะกับคน ที่เกิด
วันศุกร์

2.อุเบกขาพรหมวิหาร คนที่เกิดวันศุกร์ ก็คือนิสัยที่ชอบเป็นทุกข์
เป็นร้อนแทนคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆที่บางที เรื่องนั้น มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับ
เราเลย นิสัยอย่างนี้ กรรมฐาน ที่จะช่วยแก้ ได้ดีที่สุด คือ อุเบกขา ใน
พรหมวิหารความจริง พรหมวิหาร มี 4 ข้อ แต่สำหรับในกรณีนี้ ให้เน้น
ที่อุเบกขาพรหมวิหารอย่างเดียว อุเบกขา ที่ว่านี้ ก็คือ การรู้จักทำใจ
วางเฉย เพราะมานึกถึง เรื่องกฎแห่งกรรม ว่าแต่ละคน ต่างมีกรรมเป็น
ของตัว ใครทำกรรมอะไรไว้ คนนั้นก็จะต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น ไม่มีใคร ช่วยใครได้

เมื่อเรามานึก ถึงเรื่องกรรม ได้อย่างนี้ จะทำให้เรา วางใจเป็นกลาง ได้
ง่ายขึ้นฉะนั้น ใครที่รู้ตัวว่า เป็นคนที่ชอบ เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องของ
คนอื่น จึงควรมาเจริญอุเบกขาพรหมวิหาร

3.สติปัฏฐาน นิสัยของคนเกิดวันศุกร์อีกข้อหนึ่ง คือ พูดอะไร พลั้งๆ พลาดๆ อยู่เรื่อย บางทีคิดอย่าง แต่กลับพูดไปอีกอย่างมีวิธีแก้ คือ
ต้องเจริญสติให้มากแบบฝึกหัดในการเจริญสติ เรียกว่า สติปัฏฐาน
มีการฝึก ตั้งแต่หยาบที่สุด ไปจนกระทั่ง ละเอียดที่สุด แต่ที่อยากจะ
แนะนำในเบื้องต้นนี้ ให้ฝึกแบบหยาบๆไปก่อน เพราะฝึกง่าย ใครๆก็ฝึก
ได้ เพราะร่างกายมีอยู่ ทุกผู้ทุกคน

การเจริญสติ ตามหลักสติปัฏฐาน จริงๆแล้ว มีอยู่มากมายที่จะใช้
เป็นแบบฝึก แต่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรามี 2 วิธี คือ

1.ให้ใช้ฝึกในตอนที่ร่างกายอยู่นิ่งๆไม่ได้เคลื่อนไหว ในช่วงที่ร่าง
กายอยู่นิ่งๆนั้น ให้ท่านเอาสติ เข้าไประลึกรู้ อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก
ซึ่งมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยให้ตามรู้ ตามดูลม ไปเรื่อย หายใจเข้าก็ให้รู้ หายใจออกก็ให้รู้ ( วิธีนี้ ท่านเรียกว่า อานาปานปัพ
พะ ) เวลาหายใจเข้า เข้าไปถึงไหน ก็ให้ตามรู้ อย่าให้พลั้ง อย่าให้
พลาดได้ เวลาหายใจออกก็เหมือนกัน หายใจออกไปถึงไหนแล้ว ก็
ต้องตามรู้ ไปทุกระยะ แม้แต่ความสั้น-ยาว หยาบ-ละเอียด ของลม
หายใจ ก็ต้องมีสติ รู้ตามให้ทัน ว่าอาการของลมหายใจ เป็นอย่างไร เรียกว่า ต้องมีสติ รู้ตัวทั่วพร้อม ไปทุกอาการ ว่าอย่างนั้นเถอะ

2. ก็คือ สัมปชัญญะปัพพะ คือให้มีสติ รู้การเคลื่อนไหวของร่าง
กาย ไม่ว่าร่างกาย จะคู้เหยียด เคลื่อนไหว เหลียวซ้าย แลขวา หรือ
แม้แต่จะกิน ดื่ม พูด ก็ให้ทำไปด้วยความรู้ตัว อย่าปล่อยให้ร่างกาย
เคลื่อนไหว โดยไร้สติ หมายความว่า ให้มีสติ คอยกำกับการเคลื่อน
ไหวอยู่เสมอ นี่เป็นวิธีการฝึก ในขณะที่ร่างกายเคลื่อนไหว การฝึกเ
จริญสติทั้ง 2 แบบนี้ เราสามารถฝึกได้ตลอดเวลา

โดยให้ฝึกสลับกัน เพราะตามปกติแล้ว ร่างกายของคนเรา ก็ต้องมีการ
เคลื่อนไหวบ้าง เมื่อเคลื่อนไหวมากๆ มันเกิดเมื่อย ก็ต้องพัก โดยการ
ให้ร่างกายอยู่นิ่งๆ ในเมื่อร่างกาย มันนิ่งบ้าง เคลื่อนไหวบ้าง อย่างนี้
การที่เราฝึกเจริญสติ โดยใช้อานาปานปัพพะ ( การมีสติตามรู้ตามดูลม
หายใจ ) กับ สัมปชัญญะปัพพะ (การรู้อาการเคลื่อนไหวของร่างกาย) สลับกันไป จึงเป็นวิธีที่เหมาะสม สำหรับคนทุกคน

ถ้าใครสามารถเจริญสติได้อย่างนี้ ตลอดทั้งวัน ท่านจะมีความรู้สึกว่า
ชีวิตของท่าน มีความสุขมากกว่าแต่ก่อน มีสมาธิ (ความสงบ) มาก
กว่าแต่ก่อน อย่างเห็นได้ชัด และสำหรับคนที่มักจะทำอะไร หรือพูด
อะไร ผิดพลาด พลั้งเผลออยู่เรื่อยๆ ถ้าท่านฝึกเจริญสติโดยวิธีนี้ ไป
สักระยะ ท่านจะรู้สึกว่า ความพลั้งเผลอจะน้อยลง และถึงแม้จะมีเผลอ
บ้าง แต่ก็จะรู้ตัวได้เร็ว

ฉะนั้น การฝึกเจริญสติ จึงมีอานิสงส์ใหญ่อย่างนี้ ถ้าจะว่าไปแล้วการ
ฝึกเจริญสต
ิ ตามแนวของสติปัฏฐานนั้น ไม่จำเพาะว่าคนวันศุกร์ ควร
จะฝึกเท่านั้น แม้แต่คนที่เกิดวันอื่นๆ ก็ควรฝึกเช่นกัน เพราะ สติ (ความ
ระลึกได้ ) และสัมปชัญญะ ( ความรู้ตัว ) เป็นธรรมะ ที่มีอุปการะมาก และเป็นประโยชน์แก่บุคคลทั่วไป ทั้งในระดับต้น จนระดับสูงการที่ใครก็
ตาม รักษาสติอยู่ได้ตลอดเวลา ผู้นั้นได้ชื่อว่า ตั้งอยู่ในอัปปมาทธรรม คือความไม่ประมาท

อัปปมาทธรรม คือความไม่ประมาท (การมีสติรักษาใจอยู่ตลอดเวลา)
ก็ย่อมเป็นที่รองรับคุณธรรมอื่นๆอีกมากมาย สุดที่จะคณานับเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ การเจริญสติ จึงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ในพระพุทธ-ศาสนา ซึ่งเราไม่ควรจะละเลย ไม่ว่าจะเกิดวันไหนๆก็ควร
จะได้ฝึกเจริญสติทั้งนั้น ฝึกเจริญแล้ว ประโยชน์ ก็เกิดแก่ผู้ปฏิบัติเอง
นั่นแหละ หาได้เกิดกับใครไม่

Post 180216
ข้อมูลอ้างอิงจาก dhammathai.org
บทความพระพุทธศานา

บทความสุขภาพ สมุนไพร อาหารสุขภาพ
                                                    


ขอจงทรงพระเจริญ
ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า
โครงการพระราชดำริ

สุขภาพดี

สุขภาพดีดีหน้าต่างสุขภาพ

+สุขภาพผู้หญิง
+สุขภาพผู้ชาย
+สุขภาพเด็ก
+สุขภาพวัยรุ่น
+ผู้สูงอายุ

อาหารสุขภาพสถานที่เที่ยวไทย

โรคภัยไข้เจ็บการรักษาโรค
+ภูมิคุ้มกัน
+ไข้เลือดออก

+คลายเครียด
+
เดินเร็วอายุยืน
+เสริมธาตุเหล็กอ่านบทความอื่น


อาหารสุขภาพอาหารสุขภาพ
+แป้งสเปลท
+เห็ดเข็มทอง
+เมล็ดเชีย
+กาน่าฉ๋าย
+ชะคราม
+
ข้าวไรซ์เบอร์รี่
+โก้โก้มากคุณค่า
บทความอื่น 

อาหารสุขภาพบทความสุขภาพ
ลดน้ำหนัก
+อาหารคนรักวิ่ง
+ป.ย.ของแอโรบิก
+กินจุบกินจิบ
+แขม่วท้องลดพุง
+แกว่งแขนลดพุง
อ่านบทความอื่น